ประติมากรรมรูปสิงห์ในแบบศิลปะลพบุรีที่พบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้แบ่งเป็นสองประเภท คือ ประติมากรรมนูนสูงและประติมากรรมกรรมนูนต่ำ ประติมากรรมทั้งสองประเภทสร้างขึ้นด้วยหินทรายตามอิทธิพลของแบบศิลปะเขมร มาตั้งแต่สมัยก่อนเมืองพระนคร จนถึงสมัยสุดท้ายของเมืองพระนคร ประติมากรรมเหล่านี้ได้สลักขึ้น เพื่อใช้ประกอบลายตกแต่งสถาปัตยกรรมและสลักขึ้นเพื่อความเชื่อทางศาสนาทั้งศาสนาพุทธและศาสนาพราหมณ์ ประติมากรรมรูปสิงห์ที่พบนี้ได้แยกประเภทตามเรื่องราวที่สลักดังต่อไปนี้ คือ 1. สิงห์ทวารบาล ทำหน้าที่เฝ้าประตูทางเข้าศาสนาสถานเป็นประติมากรรมลอยตัวที่ตั้งอยู่บนสองข้างของประตูทางเข้าศาสนสถาน 2. สิงห์คู่ประกอบหน้ากาล เป็นประติมากรรมนูนต่ำ สลักรูปหน้ากาลคายสิงห์ออกมาทั้งสองข้าง นิยมสลักประติมากรรมดังกล่าวนี้บนทับหลัง และหน้าบันของศาสนาสถาน 3. สิงห์ประกอบบัลลังค์หรือสิงห์หาสน์ เป็นประติมากรรมนูนต่ำ สลักเป็นสิงห์ในท่ายกชูบัลลังค์ และบัลลังค์นั้นจะเป็นที่ประทับของเทพเสมอ นิยมสร้างขึ้นตามหนาบันและทับหลังของศาสนสถาน 4. สิงห์ที่เป็นพาหนะ เป็นประติมากรรมนูนต่ำที่มีเทพประทับอยู่บนหลังสิงห์เป็นเรื่องราวในความเชื่อทางศาสนา นิยมสลักบนทับหลังและกลีบขนุนปรางค์ ของศาสนสถาน 5.
ลำาปาง 21. (พระธาตุลำาปางหลวง) 22. (วัดหริภุญไชย จ. ลำาปาง) 23. หนังสืออ้างอิงเพิ่มเติม • ห้องสมุด • ศิลปะในประเทศไทย ผู้แต่ง ศจ. มจ. สุภัทร ดิศ ดิศกุล • หนังสือประวัติศาสตร์ ศิลปะไทย (ฉบับย่อ) ศ. ดร. สันติ เล็กสุขุม • สารานุกรมไทยสำาหรับเยาวชน • book/
ปางทรงสมาธิ มีนาคปรกบ้าง ไม่มีบ้าง 2. ปางมารวิชัย (ปางสะดุ้งมาร) 3. ปางยืนกรีดนิ้วพระหัตถ์ ปางเสด็จจากดาวดึงส์ 4. ปางยืนตั้งพระหัตถ์ปางประทานอภัย ที่เรียกกันว่า พระห้ามสมุทร 5.
ในสมัยลพบุรียังไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจน 16. • นิยมสร้างภาพสลักด้วยหิน โดยเฉพาะหินทราย ส่วนมากนิยมสร้างเป็นพระพุทธรูปปางนาคปรก และยังมี การสลักรูปเหมือน เช่น รูปของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งอาณาจักรเขมร 17. • ได้แก่ ปรางค์ ปราสาท ที่สร้างขึ้นด้วยหินทราย อิฐ ศิลาแลง จึงเรียกว่าปราสาทหินและปรางค์ เช่นพระ ปรางค์สามยอด จังหวัดลพบุรีในปัจจุบัน ปราสาทหินพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ปราสาทพนมรุ้ง จังหวัด บุรีรัมย์ ซึ่งมีทับหลังรูปนารายณ์บันทมสินธุ์ที่งดงาม ปราสาทเมืองต่า จังหวัดบุรีรัมย์ และปรางค์ที่วัดนคร โกษา จังหวัดลพบุรี พระปรางค์สามยอด จังหวัดลพบุรี ปราสาทหินพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ปราสาทพนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์
สถาปัตยกรรม งานสถาปัตยกรรม นิยมสร้างตามคิดความเชื่อในศาสนาพราหมณ์-ฮินดูและพระพุทธศาสนานิดายเถรวาทคือปราสาทหรือปรางค์ สร้างเป็นเทวาลัยหรือพุทธสถาน เป็นประธาน ของศาส สถานปราสาทหรือปรางค์ สำหรับสถาปัตยกรรมนั้น ก็คือปราสาทศิลา หรืออิฐที่สร้างเป็นพุทธสถานหรือเทวาลัย ที่สร้างในสมัยพุทธศตวรรษที่ ๑๖-๑๗ มีหลายแห่ง เช่น ปราสาท ตาเมือน ธม และปราสาทบ้านพลวง จังหวัดสุรินทร์ ปราสาทเมืองต่ำ และปราสาทพนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์ ฯลฯ ปราสาทพนมรุ้งนี้ได้สร้างติดต่อกันลงมานานเป็นระยะเวลาถึงประมาณ ๒๕๐ ปี ราวระหว่าง พ. ศ.
ตัวอย่างประติมากรรมสมัยลพบุรี 1. เทวรูป นิยมแกะสลักจากหินทราย สวมผ้านุ่งสั้น หรือ " สมพต สั้น" พระพักตร์สี่เหลี่ยม พระเนตรเบิกโพรง แสดง อํานาจ คิ้วคมเป็นสัน สวมมงกุฎซึ่งประกอบด้วย กระบังหน้า และรัดเกล้า เทวรูป 2. พระพุทธรูป นิยมสร้างพระพุทธรูปปางนาคปรก - พระพุทธรูปปางนาคปรกสมัย ปาปวน นิยมสร้างพระพุทธรูปสวมสบง ไม่ สวมจีวรและยังไม่ ทํา ทรงเครื่อง อุษณี พระทรงกรวย ขมวดพระเกศาเวียนเป็นก้นหอย พระ พักตร์เหลี่ยม พระพุทธรูปปางนาคปรกสมัย ปาปวน - พระพุทธรูปปางนาคปรกสมัยนครวัด นิยมสวมเครื่องทรง เทวรูป รัดเกล้ากรวย ผมยาวถักเป็นเส้น สวมกระบังหน้าแบบ เทวรูป สวมสบง ไม่ สวมจีวร นาคหลายเศียร เศียรกลางใหญ่ เศียรข้างหันหาเศียรกลาง ขนดนาคสามชั้น ค่อยๆ สอบลง พระพุทธรูปปางนาคปรกสมัยนครวัด - พระพุทธรูปปางนาคปรกสมัย บายน ลักษณะพระเนตรเหลือบ ต่ํา ยิ้มมุมปาก แข้ง องค์พระคมเป็นสัน พระพุทธรูปปางนาคปรกสมัย บายน 3. พระโพธิสัตว์ อวโล กิเต ศวร ศิลปะสมัย บายน มีลักษณะพระพักตร์สี่เหลี่ยม พระเนตรเหลือบ ต่ํา ยิ้มมุมปาก พระพุทธเจ้าอ มิ ตาภะ อยู่ที่มวยผม ถือดอกบัว คัมภีร์ หม้อ น้ํา ลูกประคํา พระอวโล กิเต ศวร เปล่งรัศมี แสดงความยิ่งใหญ่ของพระองค์ โดย เชื่อว่าหนึ่งรูขุมขน คือ หนึ่งจักรวาล พระโพธิสัตว์
การออกแบบงานทัศนศิลป์ในวัฒนธรรมไทยและสากล งานทัศนศิลป์ในวัมนธรรมไทยและสากลมีแนวความคิดในการออกแบบผลงานท่แตกต่างกันสามารถกล่าวโดยสรุปเพื่อเปรียบเทียบแนวคิดใรการออกแบบได้ ดังนี้ งานทัศนศิลป์ในวัฒนธรรมไทย เป็นผลงานที่มีแนวความคิดมาจากอุดมคติโดยสร้างสรรค์จากอุดมคติหรือความเชื่อ ความเชื่อ ความศรัทธา และพัฒนาไปสู่ความจิงตามธรรมชาติมีวัฒนาการทางแนวความคิดในการออกแบบ ดังนี้ 3. 1งานทัศนศิลป์ในวัฒนธรรมไทย งานทัสนศิลป์ในวัฒนธรรมไทยเป็นผลงานที่มีแนวความคิดมาจากอุดมคติโดยสร้างสรรค์จากอุดมคติหรือความเชื่อ ความศรัทธา และพัฒนาไสู่ความเจริญตามธรรมชาติ มีวิวัฒนาการทางแนวความคิดในการออกแบบ แนวคิดแบบไทยประเพณี แนวคิดแบบไทยประยุกต์ แนวคิดแบบร่วมสมัย 3. 2งานทัศนศิลป์ในวัฒนธรรมสากล งานทัศนศิลป์ในวัฒนธรรมสากล มีพื้นฐานมาจากงานทัศศิลป์ตะวันตกโดยพัฒนามาจากงานทัศนศิลป์อียิปต์และกรีก ซึ่งเป็นงานทัศนศิลป์และวัฒนธรรมนุคโบราณของโลก มัวิวัฒนาการมาหลายยุคหลายสมัย และมีอิทธิพลต่อผลงานทัศนศิลป์ของชาติต่างๆ ทั่วโลก ร่มทั้งยังเป็นต้นแบบของงานทัศนศิลป์สากลในปัจุบัน มีการผสมผสานแนวความคิดและรูปแบบต่างๆอย่างกว่างขวาง มีการใช้วัสดุ อุปกรณ์ และเทคนควิธีการที่หลากหลายในการสร้างสรรค์ผลงานอย่างอิสระ แนวคิดแบเหมือนจริง แนวคิดแบบตัดทอน แนวคิดแบบนามธรรม
saura9.com, 2024